เรียนรู้วิธี
จัดการเครดิตได้ดีขึ้น
บัตรประเภทชาร์จการ์ดและเครดิตการ์ด
บัตรประเภทเครดิตการ์ดคืออะไร
บัตรประเภทชาร์จการ์ด คืออะไร
บัตรประเภทชาร์จการ์ด
บัตรประเภทชาร์จการ์ดช่วยให้ท่านสามารถจัดการกับสภาพคล่องทางการเงินของท่านมากยิ่งขึ้นเนื่องจากบัตรประเภทนี้จะไม่มีการกำหนดวงเงินล่วงหน้า บัตรประเภทนี้จึงเหมาะสำหรับลูกค้าที่มีวินัยทางการเงินสูง เนื่องจากท่านต้องชำระค่าใช้จ่ายในใบเรียกเก็บเงินเต็มจำนวนทุกเดือน บัตรชาร์จการ์ดจึงถือว่าเป็นบัตรที่ช่วยควบคุมการใช้จ่ายได้เป็นอย่างดี
ศักยภาพในการจับจ่าย
บัตรชาร์จการ์ดนั้นช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับการจับจ่ายของท่านด้วยวงเงินที่ไม่มีการจำกัดล่วงหน้า อย่างไรก็ตามนั่นมิได้หมายความว่าการใช้จ่ายของท่านจะมิได้ถูกจำกัด ทุกยอดใช้จ่ายของท่านจะได้รับการอนุมัติโดยใช้หลากหลายหลักเกณฑ์เข้ามาประกอบการพิจารณา ซึ่งรวมถึงสถานะทางบัญชีบัตร ประวัติการใช้จ่าย และทรัพย์สินของท่าน โดยบริษัทฯ อาจขอให้ท่านยื่นเอกสารยืนยันทรัพย์สินและหลักทรัพย์ของท่าน
และไม่ต่างอะไรจากบัตรเครดิตโดยทั่วไป หากท่านต้องการใช้จ่ายในวงเงินที่มากกว่าปกติ ท่านสามารถติดต่อแผนกบริการสมาชิกบัตรของท่าน ผ่านหมายเลขโทรศัพท์ที่ระบุไว้ด้านหลังบัตร เพื่อให้มั่นใจว่าท่านจะได้รับความสะดวกสบายจากทุกการใช้จ่ายผ่านบัตร
และหากท่านยังคงใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกๆ เดือน รวมถึงมีประวัติทางการเงิน และการชำระยอดใช้จ่ายที่ดีเสมอมา ท่านจะได้รับกำลังซื้อที่เพิ่มมากขึ้น
สรุปยอดใช้จ่ายรายปีสำหรับบัตรประเภทบุคคล
สิทธิประโยชน์นี้ช่วยให้ท่านวางแผนการเงินได้ง่ายดายยิ่งขึ้น และยังช่วยอำนวยความสะดวกให้กับการคำนวณภาษีประจำปีของท่านอีกด้วย ท่านจะได้รับรายงานที่แสดงยอดใช้จ่ายแต่ละครั้งเรียงตามลำดับที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมา สิทธิประโยชน์นี้มอบให้สำหรับ บัตรทองอเมริกัน เอ็กซ์เพรส บัตรแพลทินัมอเมริกัน เอ็กซ์เพรส และบัตรธุรกิจอเมริกัน เอ็กซ์เพรส
เพื่อรักษาข้อมูลเครดิตของท่านให้อยู่ในสถานะที่ดี ท่านต้องชำระยอดขั้นต่ำตามที่ระบุอยู่ในใบแจ้งหนี้ภายในระยะเวลาที่กำหนด หรือ ชำระเต็มจำนวนตามเงื่อนไขที่ตกลงไว้กับสถาบันเจ้าหนี้ หากท่านมีการย้ายที่อยู่ ท่านต้องแจ้งที่อยู่ใหม่หรือข้อมูลสำหรับการติดต่อของท่านให้แก่สถาบันเจ้าหนี้รับทราบ เพื่อให้มั่นใจว่าท่านจะได้รับใบแจ้งหนี้หรือได้รับแจ้งข่าวสารที่สำคัญอย่างต่อเนื่อง และไม่ประสบปัญหาการชำระเงินล่าช้าหรือพลาดการชำระอันจะส่งผลต่อข้อมูลเครดิต
นอกจากนี้ ท่านควรต้องตรวจสอบข้อมูลเครดิตของท่านเป็นประจำทุกปี เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลของท่านนั้นถูกต้อง และหากท่านตรวจพบว่าข้อมูลเครดิตมีความคลาดเคลื่อน ท่านควรติดต่อสถาบันเจ้าหนี้ทันทีเพื่อให้ทำการตรวจสอบ
บริหารค่าใช้จ่ายและรักษาระดับความน่าเชื่อถือทางการเงินของท่าน
บัตรเครดิตการ์ดและบัตรชาร์จการ์ด นับเป็นเครื่องมือบริหารการเงินที่สำคัญที่ช่วยให้ท่านสามารถซื้อสินค้าที่ท่านต้องการได้รวดเร็วยิ่งขึ้น แล้วจึงชำระค่าสินค้าดังกล่าวภายหลัง อย่างไรก็ตาม ความสะดวกสบายในการใช้จ่ายผ่านบัตรบางครั้งก็นำไปสู่การใช้จ่ายที่เกินกว่าความจำเป็น และเกินงบประมาณที่ท่านมี
การรู้จักใช้บัตรอย่างถูกวิธี รวมถึงรู้วิธีบริหารค่าใช้จ่าย และเข้าใจถึงความสำคัญของการมีระดับความน่าเชื่อถือทางการเงินที่ดี
เคล็ดลับง่ายๆ ดังต่อไปนี้สามารถช่วยให้ท่านใช้บัตรได้อย่างถูกต้องมากยิ่งขึ้น
- รู้ขอบเขตการใช้จ่ายของท่าน และไม่ใช้ให้เกิน
- รู้วันครบกำหนดชำระ และตรวจสอบให้แน่ใจว่าบริษัทการเงินที่ท่านใช้บริการได้รับการชำระเงินจากท่านภายในกำหนด
- ชำระด้วยอัตราขั้นต่ำเป็นอย่างน้อย เพื่อรักษาสถานะทางบัญชีบัตรของท่านให้เป็นปกติ แต่สำหรับบัตรประเภทชาร์จการ์ด ระลึกไว้เสมอว่าท่านจะต้องชำระยอดใช้จ่ายเต็มจำนวนทุกๆ เดือน
- รักษาดอกเบี้ยให้อยู่ในอัตราคงที่ โดยจ่ายยอดชำระขั้นต่ำเป็นอย่างน้อยทุกๆ เดือน
- เลือกที่จะรวมยอดใช้จ่ายเข้าไว้ด้วยกัน โดยเลือกวิธีที่มอบความสะดวกสบายในการใช้จ่ายให้แก่ท่าน หรือคิดดอกเบี้ยในอัตราที่ต่ำกว่า
- ใช้บริการตรวจสอบค่าใช้จ่ายผ่านระบบออนไลน์ ในการตรวจสอบยอดใช้จ่ายผ่านบัตรของท่าน เพื่อให้แน่ใจว่าทุกการใช้จ่ายของท่านเป็นไปตามที่คาดหมาย
- หลีกเลี่ยงการเบิกถอนเงินสดล่วงหน้า เนื่องจากท่านจะต้องชำระค่าธรรมเนี่ยม อีกทั้งเป็นการเพิ่มหนี้สินและยอดเงินกู้ยืมของท่าน
- ทำบัญชีรายจ่ายและใช้จ่ายภายในงบ ตรวจสอบรายการใช้จ่ายเพื่อควบคุมรูปแบบการใช้จ่ายของท่าน
- ตรวจสอบใบเรียกเก็บเงินประจำเดือนของท่านอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีรายการใช้จ่ายใดๆ ที่ผิดพลาด
- ตรวจสอบรายงานข้อมูลเครดิตของท่านจากบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติซึ่งจัดส่งให้ท่านเป็นประจำทุกปีทางจดหมายว่าข้อมูลเครดิตของท่านนั้นถูกต้อง และยังช่วยให้ท่านมั่นใจได้ว่าบริษัทการเงินที่ท่านใช้บริการ ใช้ข้อมูลที่ถูกต้องของท่านในการวิเคราะห์ ท่านจะได้รับรายการดังกล่าวเป็นประจำทุกปีโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งนี้ท่านสามารถรับข้อมูลเพิ่มเติมได้จากบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ
การบริหารภาระทางการเงิน
ในช่วงเวลาอันท้าทายของภาวะเศรษฐกิจ การเข้าใจวิธีบริหารหนี้สินถือเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาความมั่นคงทางการเงินของท่าน ซึ่งบางครั้งอาจเป็นภาระอันหนักสำหรับท่าน
หากท่านกำลังรู้สึกอย่างนั้น โปรดระลึกไว้เสมอว่าท่านยังคงมีที่พึ่งพา การบริหารจัดการหนี้สินนั้นมีอยู่หลากหลายวิธี หากแต่ท่านต้องใช้เวลาในการปลดหนี้สินเหล่านั้น
ด้านล่างนี้คือคำแนะนำที่จะช่วยในการจัดการและลดภาระหนี้สินของท่าน
- จัดทำบัญชีรายจ่ายและใช้จ่ายภายในงบ บัญชีรายจ่ายจะช่วยให้ท่านสามารถควบคุมหนี้สินรวมทั้งจัดการรายจ่ายในอนาคตของท่าน
- จัดลำดับรายการยอดใช้จ่ายคงค้างของท่านโดยใช้ดอกเบี้ยเป็นเกณฑ์ ชำระรายการยอดใช้จ่ายคงค้างที่คิดอัตราดอกเบี้ยสูงที่สุดเป็นอันดับแรก และต้องไม่ลืมที่จะชำระยอดใช้จ่ายคงค้างอื่นๆ ในจำนวนขั้นต่ำเป็นอย่างน้อย
- เลือกการรวมยอดใช้จ่ายเข้าไว้ด้วยกัน โดยเลือกวิธีที่ท่านสามารถชำระยอดใช้จ่ายได้สะดวก หรือท่านอาจเลือกรวมยอดใช้จ่ายค้างชำระไปยังวิธีที่คิดดอกเบี้ยในอัตราที่ต่ำกว่า เพื่อเป็นการลดดอกเบี้ยที่ต้องชำระ
- พิจารณาหนทางอื่นๆ ที่ช่วยลดภาระหนี้สินของท่าน ท่านอาจลองพิจารณาการลดหนี้สินโดยใช้เงินฝากจากบัญชีสะสมทรัพย์ของท่าน หรือทางเลือกอื่นที่จะช่วยลดหนี้สินของท่าน
- ค้นหาทางเลือกอื่นในการชำระหนี้สิน ผู้ให้กู้บางรายอาจให้ทางเลือกหลากหลายวิธีในการชำระหนี้ ท่านควรพิจารณาวิธีที่จะช่วยให้ท่านสามารถชำระหนี้สินได้ตามกำหนดเวลามากที่สุด
- เลือกใช้บริการเสริม อาทิ การแจ้งเตือนสถานะทางบัญชี เพื่อช่วยให้ท่านไม่ลืมวันครบกำหนดชำระและทราบปริมาณการใช้จ่าย
- พูดคุยกับผู้ให้กู้ หากท่านมีปัญหาในการชำระเงิน ท่านไม่ควรเลี่ยงการชำระ เพราะนั่นจะยิ่งทำให้สถานการณ์ภาระหนี้สินของท่านแย่ลง และส่งผลกระทบต่อระดับเครดิตของท่าน ในหลายกรณีผู้ให้กู้มักพร้อมให้ความช่วยเหลือท่านในการแก้ปัญหา
- มองหาคำแนะนำ จากผู้ให้คำปรึกษาทางด้านการเงิน
บัญชีรายจ่ายก่อให้เกิดความมีระเบียบ
บัญชีรายจ่ายสามารถช่วยให้ท่านจดจำพฤติกรรมในการใช้จ่าย และชี้ให้เห็นถึงรายการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น อีกทั้งยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการบริหารหนี้สิน และสามารถทำได้อย่างง่ายดาย
ดาวน์โหลดแบบฟอร์มตารางบัญชีรายจ่าย
วิธีเตรียมบัญชีรายจ่าย
หากท่านดาวน์โหลดแบบฟอร์มตารางบัญชีรายจ่ายแล้ว
โปรดปฏิบัติตามขั้นตอนเหล่านี้เพื่อเตรียมบัญชีรายจ่ายของท่าน
- ตรวจสอบรายได้และค่าใช้จ่ายของท่าน:
บันทึกรายได้และค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในช่วงเวลา 2 เดือน ค่าใช้จ่ายบางรายการอาจเกิดขึ้นเป็นประจำทุกเดือน อาทิ ค่าเช่า ค่าผ่อนจำนอง ค่าของใช้ภายในบ้าน ค่าเบี้ยประกัน ค่าสาธารณูปโภค และค่าเดินทาง ในขณะที่ค่าใช้จ่ายบางรายการอาจเกิดขึ้นเป็นบางช่วง อาทิ ค่าใช้จ่ายสำหรับการท่องเที่ยว สันทนาการ และของขวัญ
- จัดทำบัญชีรายจ่าย:
ใช้ข้อมูลที่ท่านรวบรวมจากด้านบนเพื่อกรอกลงในแบบฟอร์มตารางบัญชีรายจ่าย โดยท่านควรทำบัญชีเป็นรายเดือนเพื่อให้ท่านสามารถเปรียบเทียบรายการใช้จ่ายและรายรับได้อย่างสะดวก หรือท่านอาจเลือกทำบัญชีรายจ่ายของครอบครัว โดยใช้รายรับ และรายจ่ายรายเดือนของสมาชิกทุกคนในครอบครัวท่าน
- ใช้จ่ายภายในงบประมาณ และหมั่นตรวจสอบรายการใช้จ่ายของท่าน
เมื่อท่านมีการบันทึกอย่างแน่ชัดเกี่ยวกับรายจ่ายของท่าน ท่านอาจพิจารณาดูว่าท่านสามารถตัดทอนค่าใช้จ่ายบางรายการได้หรือไม่ โดยท่านอาจเปลี่ยนรายการจำนวนดังกล่าวมาเป็นเงินฝากสะสมในบัญชีของท่านแทน
เมื่อใดที่ดอกเบี้ยจะถูกเรียกเก็บ
วิธีคำนวณดอกเบี้ย
บัตรเครดิต อเมริกัน เอ็กซ์เพรส นั้นมอบความสะดวกสบายให้แก่ทุกการใช้จ่ายของท่าน บัตรเครดิตนั้นหมายถึงการกู้ยืมเงินล่วงหน้า ทุกครั้งที่ท่านทำรายการใช้จ่ายผ่านบัตรหมายถึงเราให้ท่านยืมเงินจำนวนนั้น และนั่นหมายถึงท่านได้ทำการกู้ยืมเงิน ในฐานะสมาชิกบัตรอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ท่านจะได้รับความยืดหยุ่นในการชำระยอดใช้จ่าย โดยท่านสามารถเลือกที่จะชำระค่าใช้จ่ายทั้งหมดในแต่ละเดือนหรือเลือกชำระเพียงบางส่วนภายในวันครบกำหนดชำระ หากท่านเลือกชำระยอดขั้นต่ำ ดอกเบี้ยจะถูกนำมาคำนวณรายวันจนกระทั่งยอดค่าใช้จ่ายจะได้รับการชำระครบทั้งหมด
** ดอกเบี้ยจะถูกคำนวณเป็นรายวัน และจำนวนที่ปรากฏในใบเรียกเก็บเงินเป็นจำนวน ณ วันตัดยอดบัญชีบัตร
เมื่อใดที่ดอกเบี้ยจะถูกนำมาคำนวณ
หากท่านเลือกชำระค่าใช้จ่ายเต็มจำนวนภายในวันที่ครบกำหนดชำระ ดอกเบี้ยจะไม่ถูกคำนวณบนยอดใช้จ่ายใดๆ ของท่าน แต่หากท่านเลือกโอนยอดชำระไปในเดือนถัดไป หรือทำการชำระล่าช้า ดอกเบี้ยจะถูกนำมาคำนวณและเรียกเก็บผ่านบัญชีบัตรของท่านในอัตรารายปีตามที่ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าโดยเริ่มคำนวณจากวันที่ร้านค้าทำการเรียกเก็บยอดใช้จ่ายมายังอเมริกัน เอ็กซ์เพรส โดยปกติแล้วดอกเบี้ยจะถูกเรียกเก็บบนยอดค้างชำระที่ถูกยกไปยังเดือนถัดไป และยอดการเบิกถอนเงินสดโดยนับจากวันที่ทำรายการ
การจัดการกับดอกเบี้ยที่ถูกเรียกเก็บ
ท่านจะจัดการกับดอกเบี้ยที่ถูกเรียกเก็บอย่างไร
วิธีที่ดีที่สุดในการลดดอกเบี้ยที่ถูกเรียกเก็บคือการชำระก่อนกำหนด หรือชำระยอดใช้จ่ายทั้งหมดเต็มจำนวนภายในวันครบกำหนดชำระ
ท่านควรระลึกไว้เสมอว่า แต่ละบริษัทการเงิน และแต่ละช่องทางการชำระเงินนั้น (อินเทอร์เน็ต ไปรษณีย์ โทรศัพท์ และเคาน์เตอร์ธนาคาร) มีระยะเวลาในการดำเนินการที่แตกต่างกัน
บริการหักบัญชีเงินฝากธนาคารอัตโนมัติ หรือ Direct Debit จึงถือเป็นบริการที่จะช่วยกำหนดให้ยอดชำระเป็นไปตามที่ท่านต้องการ
คลิ๊กที่นี่เพื่อศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม
บริการหักบัญชีเงินฝากธนาคารอัตโนมัติ หรือ Direct Debit
คือการชำระยอดใช้จ่ายในแต่ละเดือนโดยอัตโนมัติเพื่อให้ท่านมั่นใจว่าท่านจะไม่พลาดการชำระ
การจัดทำบัญชีรายจ่าย
การทำบัญชีรายจ่ายสามารถช่วยให้ท่านบริหารค่าใช้จ่ายและควบคุมการเงินของท่านให้เป็นไปตามต้องการ
ทางเลือกอื่นๆ ในการบริหารเครดิตของท่าน
แหล่งข้อมูลที่ท่านสามารถใช้บริการได้
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเครดิต
แผนกบริการสมาชิกบัตร ให้บริการตลอด 7 วัน 24 ชั่วโมง